ประวัติ เอนโซ่ แฟร์นานเดซ ดาวรุ่งทัพสิงห์บลู

เอนโซ่ แฟร์นันเดซ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ให้กับสโมสรกลุบลาเรโกบา ก่อนที่จะย้ายไปเข้าร่วมสโมสรริเบร์เปลตในปี 2006 หลังจากใช้เวลาสิบสามปีพัฒนาผ่านระดับต่าง ๆ ขึ้นมา เฟร์นันเดซได้ถูกโปรโมทขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่โดยผู้จัดการทีมมาร์เซโล กายาร์โด ในวันที่ 27 มกราคม 2019 ในเกมที่แพ้ให้กับปาโตรนาโตในบ้าน 3-1 ในปริเมราดิบิซิออน ถึงแม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนม้านั่งสำรองก็ตาม เขาได้ลงเดบิวต์ให้ทีมใหญ่ในวันที่ 4 มีนาคม 2020 โดยลงมาเล่นแทนซานเตียโก โซซาในนาทีที่ 75 ในแมตช์ที่แพ้ให้กับเอเลเดอูกิโต 3-0 ในในโกปาลิเบร์ตาโดเรส หลายสัปดาห์ก่อน เขาทำประตูได้ครั้งหนึ่ง ในเกมที่เอาชนะลิเบร์ตัดไป 6-1, ใน 4 นัดในโกปาลิเบร์ตาโดเรสรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี 2020ที่ประเทศปารากวัย

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม : เอ็นโซ่ เฮเรมิอาส เฟร์นานเดซ ( Enzo Jeremias Fernandez )

เกิดวันที่ : 17 มกราคม 2001

ส่วนสูง : 178 เซนติเมตร

สัญชาติ : อาร์เจนติน่า

ตำแหน่ง : กองกลาง

อายุ : 22 ปี

จุดเริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง ของ เอนโซ่ แฟร์นานเดซ

ในวัยเด็ก เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ เล่นฟุตบอลให้ทีมในย่านท้องถิ่นที่ชื่อว่า ลา เรโคบา เด ซาน มาร์ติน ซึ่งถึงแม้ตอนนั้นจะมีอายุไม่ถึง 5 ขวบดี แต่เขาแสดงให้เห็นถึงฝีเท้าและไหวพริบที่โดดเด่นเกินวัย จน ปาโบล เอสกีเบล แมวมองจาก ริเวอร์ เพลท มาเห็นฟอร์มของเขาเข้า สุดท้ายแล้ว เอ็นโซ่ ได้ไปเข้าอะคาเดมี่ของ ริเวอร์ เพลท ในปี 2006 และหลังจากที่เขาได้ฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก ในระดับเยาวชนเป็นเวลานานถึง 13 ปี ในที่สุดเขาถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมที่ ริเวอร์ เพลท เจอกับ ปาโตรนาโต้ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2019 น่าเสียดายที่มันเต็มไปด้วยความน่าผิดหวัง เพราะนอกจาก ริเวอร์ เพลท จะแพ้ไป 1-3 แล้วนั้น เอ็นโซ่ ยังเป็นเพียงตัวสำรองที่ไม่ถูกเรียกใช้งาน

เอ็นโซ่ ต้องรออยู่พักใหญ่กว่าที่จะได้ประเดิมสนามให้ ริเวอร์ เพลท ในวันที่ 4 มีนาคม 2020 แต่โดยรวมแล้วเขายังไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงมาจากเหล่ารุ่นพี่ได้ ทำให้ในช่วงปี 2020 เขาเลือกที่จะย้ายไปอยู่กับ ดีเฟนซ่า จัสติเซีย ด้วยสัญญายืมตัวเพื่อที่จะได้พัฒนาฝีเท้าของตัวเองต่อไปได้ ผลงานที่น่าประทับใจตอนไปเล่นด้วยสัญญาเช่าทำให้ เอ็นโซ่ ได้เป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดใหญ่ของ ริเวอร์ เพลท ซึ่งเขาเล่นได้โดดเด่น โดยเฉพาะฤดูกาล 2022 ที่ทำได้ 8 ประตูกับ 6 แอสซิสต์จาก 19 เกมที่ลงสนาม

แน่นอว่าฟอร์มดังกล่าวไปเข้าตาแมวมองทีมดังหลายทีมชั้นนำทั่วยุโรป แต่สุดท้ายเป็น เบนฟิก้า ได้ตัวไปร่วมทัพด้วยค่าตัวเบื้องต้น 10 ล้านยูโร เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2022 โดย เอนโซ่ ได้ประเดิมสนามกับทีมในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก รอบ 3 นัดแรก ที่เจอกับ มิดทิลแลนด์ และทำประตูได้ในทันทีด้วย

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาในสีเสื้อ เบนฟิก้า ของเขามันสั้นมาก หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลก 2022 จน เชลซี ยอมทุ่มเงิน 106.8 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัว เอ็นโซ่ ไปร่วมทัพในวันที่ 31 มกราคม 2023 จนทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวในการย้ายเข้าสูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก ซึ่งต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วนี่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของ “สิงโตน้ำเงินคราม” หรือไม่

ผลงานการรับใช้ทีมชาติ อาร์เจนติน่า

หลังจากเคยเล่นให้ทีมรุ่นเยาวชนมาบ้าง เอ็นโซ่ ถูกเรียกติดทีมชาติอาร์เจนตินาชุดใหญ่เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2021 แต่กว่าจะได้ประเดิมสนามกับทีมต้องรอจนถึงวันที่ 24 กันยายน ปี 2022 ในเกมที่ อาร์เจนตินา ไล่ต้อน ฮอนดูรัส 3-0 พอถึงตอนที่ต้องไปเล่น ฟุตบอลโลก 2022 เอ็นโซ่ ยังได้รับความไว้วางใจจาก ลิโอเนล สกาโลนี่ ให้ร่วมเดินทางไปกับทีมด้วย และเขาทำผลงานได้น่าทึ่ง อย่างเช่น การทำประตูในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะ เม็กซิโก 2-0 จนทำให้เขาเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่ทำ-ประตในเกมระดับ ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ให้กับ อาร์เจนตินา ได้ ด้วยวัยเพียง 21 ปี, 10 เดือนกับ 13 วัน

ท้ายที่สุดแล้ว เอนโซ่ แฟร์นานเดซ ก็สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 กับ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ได้สำเร็จ นอกจากจะได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์โลกแล้ว เอ็นโซ่ ยังได้รับเลือกให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำศึก ฟุตบอลโลก 2022 ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลที่คู่ควรแก่เขาที่สุด ในศึกฟุตบอโลกครั้งนี้ และในอนาคตต่อไป เขาอาจะกลายเป็นกองกลางเบอร์ต้นๆของวงการลูกหนังก็เป็นได้ หากยังคงโชว์ฟอร์มได้ดีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทั้งกับทัพสิงห์บลู และ ทีมชาติ

เกียรติประวัติส่วนตัว ของ เอนโซ่ แฟร์นานเดซ